เราขอบอกตามตรงว่า แม้ว่ากลุ่มแฟนบอล นักเตะเก่า และ คนอื่นจะออกมาประท้วง หรือ call out อย่างไร เรามองว่าตอนนี้ตระกูลเกลเซอร์ ก็คงจะไม่ยอมขายทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน อาจจะฟังดูโหดร้ายไปหน่อยแต่มันเป็นเรื่องจริง ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

แมนยูคือห่านทองคำ

การถือครองสิทธิ์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถือว่าเป็นทีมที่ภาพลักษณ์แบรนด์ฟุตบอลแข็งแกร่งมาก พวกเค้าเป็นทีมที่มีแฟนบอลอยู่ทั่วโลก สปอนเซอร์ทั่วโลกพร้อมจะขอโอกาสเข้าไปติดบนเสื้อแข่ง หรือ แม้แต่เสื้อซ้อมก็ตามที ขนาดว่าไม่ได้แชมป์ลีคมาเป็นสิบปี พวกเค้ายังแข็งแกร่งอยู่เลย จากที่ว่าทั้งหมด เราคงบอกได้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปรียบเสมือนห่านทองคำของตระกูลเกลเซอร์ แบบที่ไม่มีทางปล่อยเด็ดขาด คิดดูว่า เกลเซอร์ มีเงินจ่ายดอกเบี้ยปีละ 60 ล้านปอนด์ได้ก็มาจากการเอากำไรจากแมนยูนี่แหละมาโปะ

ธุรกิจอื่นทรุด

ในภาวะโควิท 19 แบบนี้ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าใครก็ตามไม่ทรง ก็ ทรุด เท่านั้นเอง ตระกูลเกลเซอร์เองก็เจอสถานการณ์ดังกล่าวไม่แตกต่างกัน ธุรกิจที่เค้าทำเอาไว้ ต่างก็ประสบภาวะขาดทุนด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการประคองธุรกิจที่มีอยู่ไม่ให้ทรุดลงไปกว่านี้ แล้วบอกตามตรง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ไม่ได้ทรุดตามไปด้วย มันคงเป็นเรื่องที่ดูโง่มากทีเดียว

ไม่มีความจำเป็นต้องฟังแฟนบอล

ทีนี้คำพูดที่จะต้องบอกกันตามตรงแม้ว่าจะเจ็บปวดก็ตาม ก็คือ ตระกูลเกลเซอร์ เป็นเจ้าของทีมที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ดังนั้นพวกเค้าไม่มีความจำเป็นต้องฟังแฟนบอลเลยด้วยซ้ำ หรือแม้แต่เหล่าตำนานนักเตะที่ออกมาสนับสนุน เห็นด้วยกับการประท้วง และต้องการให้ตระกูลเกลเซอร์ ขายทีมก็ตามที พวกเค้ามองว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้มีผลอะไรกับการทำกำไรให้กับพวกเค้าเลย ยิ่งตอนนี้สนามเข้าไม่ได้แฟนบอลท้องถิ่นยิ่งไม่ใช่เป้าหมายกำไรของพวกเค้าเท่าไร ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ว่ามายอมรับความจริงเถอะว่าแม้จะประท้วงหนักกว่านี้ เกลเซอร์ ไม่ขายทีมแน่นอน ควรไปทำแบบอื่นจะดีกว่า

คงเป็นข่าวร้ายรับเช้าวันใหม่ที่แฟนบอลหลายคนคงไม่อยากได้ยิน หรือได้ยิน ได้อ่าน ก็คงจะไม่เชื่อเท่าไร การที่ได้เห็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบไปเล่นยูโรป้าลีค ทั้งที่สามารถเอาชนะได้ใน 2 เกมแรก เป็นเรื่องน่าเจ็บใจได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามทีมก็ตกรอบไปแล้ว ภาพสะท้อนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากเหตุตกรอบนี้มีอะไรบ้าง

ไม่สม่ำเสมอ

ลูปโซลชาร์ เป็นสิ่งที่แฟนบอลพูดกันเสมอ เวลาทีมผลงานไม่ดี ซึ่งตอนเจอกันครั้งแรกเป็นลูปขาขึ้นจากผลงานห่วยแตกหลังแพ้สเปอร์ส แต่ว่าคราวนี้เป็นลูปขาลงหลังจากชนะแบบใช้ดวงช่วยจากการคัมแบ็คมาหลายเกม คำถามก็คือ เมื่อไรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะสามารถหลุดบ่วงลูปนรกนี้สักที ความไม่สม่ำเสมอเป็นสิ่งทีแฟนบอลตั้งคำถามถึงโซลชาร์และนักเตะว่า เมื่อไรเค้าจะเอามาได้สักที หากยังหาความสม่ำเสมอไม่ได้ ก็อย่าถามหาความสำเร็จเลยมันคงยากมาก

การเลือกแท็คติคที่ผิดพลาด

แท็คติคเป็นสิ่งที่เหมือนเป็นตัวแทนของโค้ช ผู้จัดการทีมคนนั้นด้วย อย่างช่วงแรกที่เค้าเอาชนะมาทั้ง ปารีส และ ไลป์ซิกได้ มันเป็นเพราะการเลือกแท็คติดที่ดี จนอีกฝ่ายหาทางแก้ไขไม่เจอ แต่ว่าสองเกมหลังที่แพ้ เราก็ต้องตำหนิโซลชาร์ด้วยเหมือนกันที่เอาแท็คติคมาใช้แบบผิดพลาด การเปิดหน้าแลกกับปารีส เหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อน แต่กลับมาอุดจนหัวหดกับไลป์ซิก มันดูผิดฝาผิดตัวไปหน่อย

คุณภาพนักเตะไม่ดีพอ

จริงๆอีกหนึ่งปัญหาที่โซลชาร์ กำลังแก้ปัญหาทีละเปลาะก็คือ การเคลียร์นักเตะของทีมให้ดีขึ้น ซึ่งมันเป็นปัญหาสะสมที่คงมาตั้งแต่ยุคมอยส์เลยมั้ง ปัจจุบันว่ากันตามตรง คุณภาพนักเตะของแมนยูเทียบกับทีมใน UCL ด้วยกัน ยังห่างกับเค้าอีกเยอะ ทางแก้ก็คงเป็นเรื่องการเคลียร์นักเตะออกไป แล้วซื้อเข้ามาเพิ่มอีก 2-3 คน เพื่อยกระดับขึ้นมาทั้งระดับตัวจริงและตัวสำรองด้วย หากหวังจะไปถึงแชมป์ก็คงต้องทำให้คุณภาพนักเตะดีกว่านี้

เป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องยอมรับว่าตอนต้นซีซั่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกอาการเป๋หนักเหมือนกัน จากการพักน้อยกว่าจนทำให้นักเตะไม่ฟิต แถมการดึงตัวนักเตะเข้ามาใหม่ก็เหมือนไม่เข้าฝักเท่าไร แต่พอทุกอย่างเริ่มลงตัว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ปรับโหมดใหม่เป็นยิงน้อยแต่ไม่เสียจนชนะรัวๆสุดท้ายปิดซีซั่นด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีค และ แชมป์คาราบาวคัพ เป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่ดีของพวกเค้าเค้าเลย ใครเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำซีซั่นของพวกเค้ากัน

รูเบน ดิอาส

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคของเป๊ป กวาดิโอลาร์ ใช้เวลา เงิน และทุกอย่างไปกับการตามหากองหลังในฝันของเป๊ปเยอะมาก จนสุดท้ายเค้าก็เจอจนได้ในซีซั่นนี้ เค้าชื่อว่า รูเบน ดิอาส การเข้ามาของเค้าถือว่าตอบโจทย์ที่เป๊ปต้องการทุกอย่าง ความแข็งแรง แข็งแกร่ง ทั้งบนพื้นและกลางอากาศ ตั้งเกมจากแดนหลังได้ ออกบอลเท้าสู่เท้าได้แม่นยำ ขึ้นไปโหม่งทำประตูได้ แล้วสามารถเล่นคู่กับใครก็ได้ที่มีอยู่ (แต่คู่กับจอห์น สโตนจะโหดที่สุด )สถิติการมีเข้าอยู่จะชนะถึง 23 เกมในลีค ตอบทุกอย่างได้

เควิน เดอ บรอยด์

ต้องยอมรับว่า KDB ในซีซั่นนี้ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด หากเทียบกับซีซั่นก่อนที่ปังกว่า แต่ด้วยมาตรฐานเดิมของเค้าการทำได้ระดับนี้ก็ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปถึงโทรฟี่แชมป์ได้อย่างสวยงาม สถิติน่าสนใจก็คือ ลงเล่นไป 25 ลีค ชนะไป 17 เกม แอสซิสต์อีก 12 ครั้ง ทำประตูอีก 6 ครั้ง เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมในแดนกลางด้วยเหมือนกัน

อิลคาย กุนโดกัน

อีกหนึ่งคนที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นคีย์แมนคนสำคัญของทีม ยิ่งตอนที่ทีมต้องใช้ระบบแบบไร้กองหน้า ก็เป็นเค้านี่แหละที่ขึ้นไปยิงเองแทนที่กองหน้า สถิติลงเล่นไป 28 เกม ชนะ 21 เกม ทำไป 13 ประตู แอสซิสต์ 2 ครั้ง ก็น่าจะตอบโจทย์ได้เหมือนกันว่าเค้าคนนี้มีดีอย่างไร ให้รอดูเจ้าตัวกับทีมชาติเยอรมันที่จะลงเล่นบอกเลยว่ามีเซอร์ไพร์สแน่นอน

เกมฟุตบอลลีคแต่ละซีซั่นมันมีความน่าสนใจอย่างหนึ่งตรงที่ว่าบางครั้งสถานการณ์บางอย่าง มันอาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาระหว่างฤดูกาลก็เป็นได้ ซึ่งนั่นเป็นหน้าที่ของทีมและผู้จัดการทีมที่จะต้องแก้ไขไปเพื่อให้ทีมเดินหน้าต่อไปได้ อย่างตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของเป๊ป กวาดิโอลาร์ จะเกิดอาการขาดหน้าขึ้นมา ซึ่งมันส่งผลอะไรบ้าง

ขาดตัวทำสกอร์

ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดกองหน้าอาชีพจนทำให้เกิดปัญหาเรื่องการผลิตสกอร์อย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่าจากทีมที่มีตัวยิงตั้งแต่ 10ประตูขึ้นไปถึง 5 คนในซีซั่นก่อน มาตอนนี้พวกเค้ากำลังประสบปัญหาปืนฝืดอย่างมาก เค้าแทบจะไม่มีตัวทำสกอร์ที่ไว้ใจได้เลย อันนี้สำคัญมาก เพราะถ้าไม่มีคนยิงประตูได้ แล้วแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะชนะได้อย่างไร หรืออย่างเก่งเอาแค่ผลเสมอก็ยังอยากเลย

ขาดตัวทำเกม

การแก้ไขตอนนี้พวกเค้ามีทางเลือกเดียวก็คือ การดันเอา ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกตัวพลิ้วขึ้นมาเล่นเป็นกองหน้าจำเป็นแทน ทีนี้การดันเค้าขึ้นมาแม้จะเป็นไอเดียที่ดี แต่ข้อเสียมันทำให้ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดตัวทำเกมชั้นดีจากริมเส้นไป จริงอยู่ว่าพวกเค้ามีแทนอย่าง ริยาด มาห์เรซ แต่พอลงไปแล้วกลับทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจเท่าไร

ทำให้เกมไม่ขาด

การไม่มีตัวยิงประจำทีม สิ่งที่ส่งผลกระทบตามมาก็คือ การควบคุมเกม จะทำให้พวกเค้าคอนโทรลเกมไม่ได้เลยตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากทีมตรงข้ามรู้อยู่แล้วว่าพวกเค้าอยู่ในสภาพไหนตอนนี้ แทบจะไม่มีอะไรน่ากลัวในเกมรุกได้เลย นั่นทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้อาจจะต้องเจอสถานการณ์ที่อีกฝ่าย ฆ่าเท่าไรก็ไม่ตาย ยิงนำไป 1-2 ประตู อาจจะไม่ทำให้อีกฝ่ายกลัวได้เลย พวกเค้าพร้อมจะเล่นแบบสู้ตายเพื่อเอาประตูให้ได้ หรือหากสถานการณ์พลิกกลับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดนนำก่อน พวกเค้าจะเล่นยากเลยเพราะจะโดนอีกฝ่ายตั้งรับแล้วรอสวน แล้วตัวเองก็ไม่มีอาวุธเพื่อทำประตูเค้าอีก จนทำให้หลายครั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำแต้มหกหล่นเรี่ยราดแบบไม่น่าเชื่อในซีซั่นนี้

ในแต่ละทัวร์นาเมนต์ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลระดับทวีปจะมีสิ่งที่เรียกว่า ม้ามืด เกิดขึ้นมาเสมอ สำหรับทัวร์นาเมนต์ยูโรหนนี้เองก็เช่นกัน ม้ามืดที่เกิดขึ้นมีอยู่สองสามทีมหนึ่งในนั้นก็คือ ทัพจากแดนนาฬิกาสวิสเซอร์แลนด์ เราไปดูผลงานของม้ามืดทีมนี้กัน

ผลงานการแข่งขัน

สวิสเซอร์แลนด์ เริ่มต้นที่รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ เพื่อนร่วมกลุ่มอย่างอิตาลี เวลส์ และ ตุรกี ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรเลย แม้ว่าจะตัดอิตาลีไปแล้วก็ตามที รอบแบ่งกลุ่มพวกเค้ากว่าจะผ่านเข้ารอบก็ต้องไปลุ้นถึงนัดสุดท้ายที่พวกเค้าเอาชนะตุรกีไปได้ 3-1 ทำให้เค้ามีสี่คะแนน เข้ารอบมาในฐานะทีมอันดับสามที่ดีลำดับที่สาม

พอเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย รอบน็อคเอาท์ เจอกับ ฝรั่งเศส งานนี้เจอกับแชมป์โลกไม่ง่ายแน่นอน เกมนี้สวิสเซอร์แลนด์ตกเป็นรองตั้งแต่ยังไม่ลงสนาม แต่ว่าพวกเค้าก็เล่นแบบสไตล์วิ่งสู้ฟัด จนไม่เป็นรองมากนัก แม้ว่าสกอร์จะตามหลัง 3-1 ก็ตามที แต่แล้วความพยามของเค้าก็มาสัมฤทธิ์ผลจากความผิดพลาดของนักเตะฝรั่งเศสเอง สุดท้ายพวกเค้าตีเสมอได้ 3-3 แล้วไปลุ้นจุดโทษกลายเป็นพวกเค้าทำได้ดีกว่าเอาชนะแบบช็อคโลก

มาถึงรอบแปดทีมสุดท้ายเจอกับสเปน เกมเข้าทรงเหมือนเดิม พวกเค้าเสียเปรียบจำนวนคนเนื่องจากโดนใบแดงไปตอนนาทีที่ 77 แต่สกอร์เท่านั้น จนทำให้ทุกอย่างกลับไปตัดสินด้วยการยิงจุดโทษอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม นักเตะสวิสเหมือนมาได้สุดท้าย ความนิ่งหายไป เป็นทางสเปนที่ทำได้ดีกว่า ทำให้สวิสตกรอบ แต่ว่าชนะใจคนดูทั้งโลก

นักเตะฟอร์มดี

สำหรับนักเตะฟอร์มดี เรามองว่า เชอร์ดาน ชากิรี่ คือคีย์แมนของทีมชุดนี้เลย การลงเล่นห้าเกมทำได้สามประตู กับอีกหนึ่งแอสซิสต์ เป็นผลงานที่ตรงกันข้ามกับตอนเล่นสโมสรมากเลย คนที่สอง กรานิต ชาก้า การขาดเค้าในเกมกับสเปน ส่งผลให้สวิส ดร็อปลงไปเยอะมาก การเล่นของเค้าตลอดสี่เกม ทำได้หนึ่งแอสซิสต์ พร้อมกับเป็นอีกหนึ่งผู้นำในแดนกลางแบบที่เราไม่ค่อยได้เห็นในสโมสรเท่าไรอีกเหมือนกัน ส่วนอนาคตของทีมชุดนี้ถื่อว่ามาดี แต่ว่าอาจจะต้องเพิ่มนักเตะที่มีคุณภาพมากกว่านี้และประสบการณ์